ลูกสาวเล่าดึกๆ มีคนมา “จับหน้า” พ่อตามจับคนร้าย อึ้งเป็น “คนใน” ฟังเหตุผลโกรธไม่ลง

เรื่องราวสุดสะเทือนใจจากต่างประเทศที่เว็บไซต์ SOHA นำมาเผยแพร่ กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อ ตงตง (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 13 ปี เล่าให้พ่อฟังว่า “มีคนมาจับหน้าเธอตอนเที่ยงคืน” ปรากฏการณ์ประหลาดนี้สร้างความกังวลให้ทั้งตัวเด็กหญิงและพ่อแม่เป็นอย่างมาก จนคุณพ่อถึงขั้นต้องทุ่มทุนจ้าง รปภ. เพิ่ม และแอบติดกล้องวงจรปิดในห้องนอนลูกสาว แต่แล้วเมื่อความจริงถูกเปิดเผยในคืนที่สาม กลับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และทำให้ทุกคนต้องกลับมาทบทวนความสัมพันธ์ในครอบครัวครั้งใหญ่

---

ความหวาดกลัวของ “ตงตง” กับปริศนา “มือปริศนา” ยามวิกาล

ตามรายงานระบุว่า ตงตง เป็นลูกสาวของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ครอบครัวมีฐานะดีและชีวิตดูเหมือนจะราบรื่น แต่แล้วคืนหนึ่ง เธอเริ่มสังเกตเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ทุกครั้งที่เข้านอน จะรู้สึกเหมือนมีคนมา “แตะแก้ม” เธอกลางดึกเสมอ แต่ด้วยความกลัว ตงตงไม่กล้าลืมตาขึ้นมาพิสูจน์ ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายและกระสับกระส่ายอยู่ตลอดหลายวัน

ในที่สุด ตงตงก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าและเล่าเรื่องที่เผชิญให้คุณพ่อฟัง ด้วยความเป็นห่วงและกังวล คุณพ่อจึงรีบติดต่อตำรวจท้องที่ทันที ยิ่งเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ปล้นทรัพย์หลายครั้ง ก็ยิ่งทำให้ความกังวลของพ่อทวีคูณ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของครอบครัว เขาตัดสินใจ จ้าง รปภ. เพิ่มอีก 2 คน เพื่อคอยตรวจสอบความผิดปกติรอบๆ บ้านพักอย่างเข้มงวด

---

ปริศนาไม่คลี่คลาย พ่อตัดสินใจติด “กล้องวงจรปิด” ในห้องนอนลูกสาว

แม้จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ในวันรุ่งขึ้น ตงตงก็ยังคงบอกว่ามีคนมาแตะหน้าเธอเหมือนเดิม คุณพ่อเริ่มสงสัยว่ามีสัตว์รบกวนอย่างหนูเข้ามาในบ้านหรือไม่ หรือสอบถามพี่เลี้ยงว่ามีของมีค่าหายไปเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่ แต่ทั้งสองกรณีกลับไม่พบความน่าจะเป็นไปได้เลย

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น คุณพ่อจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นคือ แอบติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องนอนของลูกสาว เพื่อหวังว่าจะจับภาพ “คนร้าย” ที่เข้ามารบกวนลูกได้

---

ความจริงที่ “พีก” และโกรธไม่ลง: “คนร้าย” คือ “แม่ของฉันเอง”

สองคืนแรกที่เฝ้าติดตามดูผ่านกล้องวงจรปิด ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทำให้คุณพ่อเริ่มงุนงง แต่ในคืนที่สาม ความจริงอันน่าตกตะลึงก็ถูกเปิดเผย!

กลางดึกคืนนั้น ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็น เงามืดร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องของลูกสาวจริงๆ คุณพ่อซึ่งเฝ้าดูอยู่ไม่รอช้า รีบตะโกนขอความช่วยเหลือจาก รปภ. และรุดไปจับตัว “คนร้าย” รายนั้นไว้ได้ทันที

แต่แล้วเมื่อไฟในห้องเปิดขึ้น คุณพ่อก็ต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อพบว่า “คนร้าย” นั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก “แม่ของเขาเอง” หรือก็คือ “คุณย่าของตงตง”

คุณพ่อเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าประหลาดใจและสับสนว่า “ทำไมถึงมาทำอย่างนี้ในห้องหลาน?” ในขณะที่หญิงชราผู้เป็นแม่ตอบทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มว่า “ฉันแค่อยากมองเธอ”

---

เบื้องหลังความรักและความเข้าใจผิด: สายใยที่ถูกมองข้าม

คำตอบของคุณย่าทำให้คุณพ่อถึงกับจุกอก และความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังก็ยิ่งทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเรื่องนี้ต้องน้ำตาซึม:

ปรากฏว่าเมื่อตงตงอายุเพียง 9 เดือน คุณพ่อของเธอกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ และฐานะของครอบครัวยังไม่ดีนัก เขาจึงจำใจต้องฝากลูกสาวไว้ให้ คุณย่าดูแลเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั่งตงตงอายุ 6 ขวบ ฐานะของครอบครัวก็ดีขึ้น เธอจึงได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่

ปีนี้เนื่องจากปู่ของตงตงเสียชีวิต คุณย่าจึงได้กลับมาอยู่กับพวกเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความขัดแย้งระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้หลายประการ แม่ของตงตงจึงไม่ค่อยชอบคุณย่า และน่าจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ไปยังลูกสาวของเธอด้วย ทำให้ตงตงซึ่งอาจจะจำคุณย่าตอนเด็กไม่ได้มากนัก เกิดความห่างเหินจากคุณย่า แม้ว่าจะเป็นคนที่เคยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กๆ ก็ตาม

ด้วยความรักและความคิดถึงหลานสาวอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร หรืออาจกลัวว่าจะรบกวนการนอนของหลาน คุณย่าจึงทำได้เพียงแอบเข้าไป “มองหลาน” หลังจากตงตงหลับไปแล้ว และอาจจะมีการเอื้อมมือไป “ลูบไล้ใบหน้า” หลานสาวด้วยความคิดถึงและห่วงใย โดยไม่คิดว่าการกระทำนั้นจะทำให้หลานหวาดกลัว

---

บทเรียนจาก “คนใน”: ภารกิจสำคัญของพ่อแม่ในการสานสัมพันธ์ครอบครัว

หลังจากฟังคำอธิบายของแม่ คุณพ่อของตงตงรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดอย่างมากที่ปล่อยให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ทำให้ทั้งครอบครัวต้องมานั่งคุยกันอย่างเปิดอก เพื่อแก้ไขความขัดแย้งและสานสัมพันธ์ที่ห่างเหินให้กลับมาดีที่สุด

ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลานกับปู่ย่าตายาย มักได้รับอิทธิพลอย่างมากจากพ่อแม่ ดังนั้น สำหรับหลายๆ ครอบครัว การสอนให้ลูกหลานเคารพและรักปู่ย่าตายาย จึงเปรียบเสมือนภารกิจสำคัญของพ่อแม่เสมอ ไม่เพียงแต่ต้องกตัญญูและรักพ่อแม่เท่านั้น แต่ลูกๆ ยังต้องเรียนรู้ที่จะรักญาติพี่น้องรอบข้างอย่างถูกต้อง เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลผู้เปี่ยมด้วยความรัก และรู้จักประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในชีวิต

แหล่งที่มา www.sanook.com/news/9823242/